1. บทนำ : ”วิกิ” กับการเรียนรู้ตลอดชีวิต



2. รู้จักตัวโปรแกรมและลักษณะการทำงาน

3.แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้แบบ Wiki

2) วิกิคำคม http://th.wikiquote.org แหล่งรวบรวมคำคม สุภาษิตและคำพังเพยจากทั่วโลกในทุกภาษา
3) วิกิซอร์ซ เอกสารต้นฉบับ http://th.wikisource.org แหล่งรวบรวมและจัดเก็บเอกสารต้นฉบับที่สามารถนำไปอ้างอิงได้ เช่น กฎหมาย พระราชบัญญัติ เอกสารทางราชการอื่น ๆ
4) วิกิพจนานุกรม http://th.wiktionary.org แหล่งรวบรวมและเก็บคำศัพท์
5) วิกิข่าว แหล่งข่าวเนื้อหาเสรี http://th.wikinews.org
6) วิกิสปีซีส์ สาระบบอนุกรมวิธาน http://species.wikimedia.org
7) คอมมอนส์ แหล่งรวบรวมแบ่งปันสื่อ http://commons.wikimedia.org ให้บริการคลังข้อมูลกลางสำหรับภาพ ดนตรี เสียง และวีดิทัศน์ลิขสิทธิ์เสรี และอาจรวมถึงข้อความและคำพูด เพื่อใช้ในหน้าเอกสารในโครงการต่าง ๆ ของวิกิมีเดีย ภาพทุกภาพที่เก็บในคอมมอนส์จะสามารถเรียกใช้ได้ จากหน้าเอกสารของโครงการวิกิมีเดียทุกโครงการ
8) เมต้าวิกิ ศูนย์กลางโครงการวิกิมีเดีย http://meta.wikimedia.org
เนื้อหาข้อความทั้งหมดในวิกิพีเดียเป็นเนื้อหาเสรี งานสมทบที่ส่งมายังวิกิพีเดียทุกชิ้นถูกคุ้มครองโดยสัญญาอนุญาตเอกสารเสรี ของ GNU "GNU Free Documentation License" หรือ GFDL ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาอนุญาตชนิด "copyleft" ที่ให้สิทธิ์นำเนื้อหาไปแจกจ่ายซ้ำ, ดัดแปลงต่อยอด, และนำไปใช้งานได้อย่างเสรี ทั้งนี้รวมถึงการใช้งานเชิงพาณิชย์ด้วย สัญญาอนุญาตตัวนี้ อนุญาตให้ผู้ร่วมเขียนวิกิพีเดียแต่ละคนยังคงมีสิทธิ์ในงานที่ตนเอง สร้างสรรค์ขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังอนุญาตให้ผู้อื่นนำงานนั้นไปต่อยอดและแจกจ่ายงานต่อยอดนั้นต่อได้ เพียงมีเงื่อนไขว่าจะต้องให้เครดิตกับเจ้าของงานดั้งเดิม และงานต่อยอดนั้นจะต้องใช้สัญญาอนุญาต GFDL เช่นเดียวกัน ด้วยสัญญาอนุญาตตัวนี้ ทำให้รับประกันได้ว่าวิกิพีเดียจะถูกแก้ไขได้อย่างเสรีและอย่างเท่าเทียมกัน การสมทบงานของผู้เขียนแต่ละคน จะถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูลตราบนานเท่านาน เคยมีผู้กล่าวถึงการใช้ GFDL ไว้ว่า “การรับประกันเสรีภาพ เป็นแรงจูงใจสำคัญในการทำงานสารานุกรมเสรี”
4. การประยุกต์ใช้ Wiki เพื่อจัดการศึกษา
4.1 เป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้เรียนและผู้สอนในระบบ e-learning ก็คือการใช้เว็บไซต์ในโครงการต่างๆของวิกิมีเดียที่กล่าวมาในหัวข้อที่แล้ว โดยเฉพาะ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เพื่อการสืบค้นข้อมูลในการเรียนรู้ เนื่องจากโครงการต่างๆของวิกิเป็นแหล่งรวบรวมเนื้อหาด้านต่าง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญ ผู้รู้ หรือผู้มีประสบ การณ์ เนื้อหาต่าง ๆ มีการตรวจสอบโดยผู้เขียนหลายคนร่วมมือกัน ดังนั้น เนื้อหาที่ได้ จึงมีความเป็นไปได้ว่ามีความถูกต้อง สมบูรณ์ ดังนั้น แหล่งข้อมูลในเว็บไซต์ประเภทวิกิ จึงสามารถใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอ้างอิงในการเรียนการสอนแบบ e-learning ได้
4.2 เป็นเครื่องมือหรือสื่อในการจัดกระบวนการเรียนรู้ในระดับห้องเรียน ครูผู้สอนสามารถใช้เว็บไซต์ที่ใช้โปรแกรมมิเดียวิกิ ในการจัดกระบวนการจัดการเรียนรู้แบบ- การมอบหมายงานเป็นกลุ่ม Workgroup Assignment
- การเรียนการสอนแบบโครงงาน Project-Based Learning
- การเรียนรู้แบบสร้างองค์ความรู้ Constructivist Paradigm
- การเรียนรู้ร่วมกันหรือการเรียนแบบร่วมมือกันCooperative/Collaborative Paradigm
เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่กล่าวมาเน้นการใช้ทักษะการบันทึกข้อมูล ทักษะการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างองค์ความรู้ร่วมกัน ทักษะการทำงาน และกระบวนการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบที่มีการเสวนาแลกเปลี่ยน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยเทคนิคการสอนเหล่านี้โดยผ่านระบบเครือข่ายของ คอมพิวเตอร์ทั้งในและนอกห้องเรียน


4.3 ประยุกต์ใช้ในงานสำนักงานของสถานศึกษา(e-office) เนื่องจากการสร้างและแก้ไขหน้าวิกิไม่ยุ่งยาก จึงเหมาะที่จะถูกนำมาใช้ในงานสำนักงานของโรงเรียน โดยเฉพาะในงานสารบรรณและงานธุรการ ยกระดับงานสำนักงานของสถานศึกษาให้เป็น Paperless Office ทั้งนี้จะต้องมีการกำหนดสิทธิ์การเข้าใช้ เพื่อป้องกันการแก้ไขของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
4.4 ใช้ เป็นเครื่องมือในการจัดการองค์ความรู้ในองค์กร (Knowledge Management) การจัดการความรู้เป็นการดำเนินการอย่างน้อย 6 ประการต่อความรู้ ได้แก่(1) การกำหนดความรู้หลักที่จำเป็นหรือสำคัญต่องานหรือกิจกรรมของกลุ่มหรือองค์กร
(2) การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ
(3) การปรับปรุง ดัดแปลง หรือสร้างความรู้บางส่วน ให้เหมาะต่อการใช้งานของตน
(4) การประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจการงานของตน
(5) การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัด “ขุมความรู้” ออกมาบันทึกไว้
(6) การจดบันทึก “ขุมความรู้” และ “แก่นความรู้” สำหรับไว้ใช้งาน และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ที่ครบถ้วน ลุ่มลึกและเชื่อมโยงมากขึ้น เหมาะต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น

5.บทสรุป

ด้านของคน สถานศึกษาต้องจัดให้การอบรมบุคลากรที่มีอยู่ทั้งครูผู้สอน เจ้าหน้าที่และนักเรียน ให้สามารถเข้าถึงการใช้โปรแกรมมิเดียวิกิ ซึ่งจะเห็นว่าโปรแกรมวิกิง่ายต่อการใช้งานเมื่อเทียบกับโปรแกรมผลิตสื่อการ เรียนการสอน(CAI) หรือโปรแกรมการจัดการ e-learning ผู้ใช้ที่มีความรู้ในโปรแกรมออฟฟิศเบื้องต้นก็สามารถเรียนรู้วิกิได้ด้วย ตนเอง ไม่ยากเย็นนัก


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น